Google

Thursday, October 22, 2009

Soviet Union : Cult of the Individual

สหภาพโซเวียต : การยึดหลักตัวบุคคล

ข้อกล่าวหาของพวกผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ต่อบุคคลที่ได้ละทิ้งหลักการมาร์กซิสต์-เลนินิสต์ที่ให้ยึดหลักภาวะผู้นำร่วมกันไปตั้งหลักการที่ยึดตัวบุคคลโดยใช้วิธีบูชาตนเองและยุทธวิธีเบ็ดเสร็จ แนวความคิดที่ว่าด้วย “การยึดหลักบุคคล” หรือ “การคลั่งไคล้บุคคล” นี้ ได้นำมาใช้โดยนายนิกิตา ครุสชอฟ ในคำปราศรัยในที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตครั้งที่ 20 เมื่อปี ค.ศ. 1956 เพื่อประณามระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จและการปกครองแบบอัตตาธิปไตยชองโยเซฟ สตาลินซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี ค.ศ. 1953 โดยเฉพาะอย่างยิ่งครุสชอฟได้กล่าวหาสตาลินว่าไม่ให้ความสนใจต่อกรมการเมืองและคณะกรรมาธิการกลางพรรค กับได้ใช้วิธีการปกครองแบบอำเภอใจ ซึ่งได้ส่งผลให้มีการกวาดล้างและทำลายชีวิตสมาชิกพรรคไปเป็นจำนวนนับพันคน ต่อมาครุสชอฟเองก็ได้ถูกกล่าวหาว่ายึดหลักตัวบุคคลและถูกถอดออกจากตำแหน่งอีกเหมือนกัน

ความสำคัญ การประณามสตาลินโดยบุคคลที่เคยทำงานร่วมมากับเขานี้เป็นการทำลาย แนวความคิดที่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์และผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จะกระทำผิดพลาดมิได้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้เองได้ก่อให้เกิดการเสียขวัญทั้งในพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตเองและในพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศอื่นที่เดินตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต และได้ส่งผลให้เกิดวิกฤติการณ์ทางอุดมการณ์ระหว่างประเทศขึ้นมา และจากการที่สหภาพโซเวียตไม่สามารถควบคุมกระบวนการคอมมิวนิสต์ให้เป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งโลกได้นี้ก็ยังมีผลจากปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้คือ (1) พลังเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่เป็นคอมมิวนิสต์กระเตื้องขึ้นทำให้ประเทศเหล่านี้หันมาทางปฏิวัติน้อยลง (2) ลัทธิชาตินิยมมีความเข้มแข็งขึ้นภายในค่ายคอมมิวนิสต์เอง และ (3) เกิดการ “ยันกัน” ทางนิวเคลียร์ ทำให้เกิดผลตามมาคือผู้นำโซเวียตได้เน้นย้ำให้มีการแก้ไขทฤษฎีของลัทธิเลนินที่ยอมรับความหลากหลายของเส้นทางที่จะนำไปสู่สังคมนิยมและที่ถือว่าสงครามกับประเทศทุนนิยมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้นั้น การประกาศหลักการ “ยึดหลักตัวบุคคล” และการประณามสตาลินนี้ได้นำไปสู่การแตกแยกในขบวนการของคอมมิวนิสต์ของโลกและทำให้เกิดการแข่งขันชิงความเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ระหว่างอดีตสหภาพโซเวียตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน

No comments:

Post a Comment