Google

Thursday, October 22, 2009

Germany (Federal Republic) : President

เยอรมนี (สหพันธ์สาธารณรัฐ) : ประธานาธิบดี

ประมุขทางการของรัฐซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมีเอกภาพของชาติ แต่เป็นผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองน้อย ประธานาธิบดีได้รับเลือกตั้งโดยอ้อมโดยการประชุมใหญ่ที่เรียกว่า เฟดเดอรัล คอนเวนชัน ซึ่งเรียกประชุมโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร เฟดเดอรัลคอนเวนชันประกอบด้วยผู้ออกเสียงเลือกตั้งจำนวนกว่า 1000 คน ประกอบด้วยสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรในจำนวนที่เท่ากันที่ได้รับการคัดเลือกจากฝ่ายนิติบัญญัติของแต่ละรัฐตามสัดส่วนของจำนวนประชากร เฟดเดอรัลคอนเวนชันจะเริ่มต้นด้วยการอภิปรายถกแถลงกันก่อน หากไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดได้คะแนนเสียงข้างมากในการหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงในสองครั้งแรก บุคคลที่ได้คะแนนเสียงมากกว่าผู้แข่งขันคนอื่นในการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่สามจะได้รับการประกาศชื่อให้เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง วาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีคือ 5 ปี และกฎหมายยินยอมให้สามารถรับเลือกตั้งเข้ามาอีกสมัยหนึ่งติดต่อกันได้ พลเมืองเยอรมันทุกคนมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีได้หากเป็นผู้มีอายุ 40 ปีและต้องเป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ประธานาธิบดีจะทำหน้าที่เป็นประมุขรัฐโดยทางการเท่านั้น หาได้เป็นประมุขรัฐที่แท้จริงได้ กฎหมายใหม่ๆและกฎหมายแห่งรัฐอื่น ๆ กำหนดไว้ว่าการลงนามของประธานาธิบดีจะต้องมีนามของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีนั้น ๆ กำกับ อยู่ด้วย การแต่งตั้งต่าง ๆ ก็ดี หน้าที่ทางความสัมพันธ์กับต่างประเทศก็ดี และกิจกรรมตามดุลพินิจที่ไม่เป็นทางการอื่น ๆ ก็ดีของประธานาธิบดีจะมีหน่วยงานต่าง ๆ ในโครงสร้างของฝ่ายบริหาร ทำการตัดสินใจแทนให้

ความสำคัญ กฎหมายพื้นฐานนี้สะท้อนให้เห็นรสนิยมของคนเยอรมันที่ประสงค์จะให้มีผู้นำทางฝ่ายบริหารที่มีความเข้มแข็ง แต่อำนาจฝ่ายบริหารนี้ไปรวมอยู่ที่นายกรัฐมนตรีหาได้อยู่ที่ประธานาธิบดีไม่ เนื่องจากประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งมาโดยอ้อมเขาจึงไม่สามารถอ้างว่าได้รับความชอบธรรมจากประชาชนมาใช้เป็นพื้นฐานในการท้าทายภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยเหตุนี้คณะผู้ร่างกฎหมายพื้นฐานจึงพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาของภาวะผู้นำฝ่ายบริหารระดับสูงที่แยกออกจากกันเป็นสองส่วนนี้เสีย ดังนั้นจึงไม่มีประธานาธิบดีคนใด ไม่ว่าจะเป็นธีโอดอร์ เฮอุสส์, เฮนลิค ลึบเก, หรือ คาร์ล คาร์สเทนส์ สามารถยืนหยัดที่จะทำการริเริ่มส่วนตัวเพียงพอที่จะอาจหาญทำการตกลงใจในปัญหาทางรัฐธรรมนูญที่สำคัญ ๆ อย่างเช่น ปัญหาที่ว่าประธานาธิดีสามารถจะปฏิเสธที่จะไม่แต่งตั้งรัฐมนตรีที่ได้รับการคัดเลือกโดยนายกรัฐมนตรีมาแล้วได้หรือไม่

No comments:

Post a Comment